การตักบาตร คือประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาแต่สมัยพุทธกาล พระภิกษุ สามเณร จะถือบาตรออกบิณฑบาตเพื่อรับอาหารหรือทานอื่นๆ ตามหมู่บ้านในเวลาเช้า ผู้คนที่ออกมาตักบาตรจะนำของทำทานต่างๆ เช่น ข้าว อาหาร น้ำ ขนม ผลไม้ ดอกไม้ มาถวายพระประเพณีนี้ชาวพุทธถือกันว่าเป็นการสร้างกุศลให้กับตนเอง และถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย โดยเชื่อกันว่าอาหารที่ถวายไปนั้นจะส่งถึงญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกัน
ตักบาตรตอนเช้า “ดีต่อใจ” ได้อานิสงส์ 8 ประการ
การทำบุญตักบาตรในช่วงเทศกาล หรือแม้แต่การตักบาตรหน้าบ้านยามเช้า ล้วนแล้วแต่เป็นการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยอานิสงส์ของการตักบาตรในตอนเช้า มีด้วยกันถึง 8 ประการ ดังต่อไปนี้
ประการที่ 1
การตักบาตรทุกวัน ได้รับอานิสงส์ 5 ประการ ที่ตามพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ เป็นที่รักของผู้คนทั้งหลาย,เป็นคนดีมีปัญญาย่อมชอบคบค้าสมาคมด้วย, มีชื่อเสียงที่ดีงาม , เป็นผู้ไม่ห่างไกลธรรม และเมื่อล่วงลับไปแล้วย่อมเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์
ประการที่ 2
การตักบาตรทุกวันทำให้จิตใจมีความสุข เป็นการฝึกจิตให้อยู่กับกุศลผลบุญ ซึ่งเป็นทางแห่งความเจริญที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “ผู้ฝึกจิตดีแล้วย่อมนำสุขมาให้”
ประการที่ 3
เป็นการบรรเทาความเห็นแก่ตัว สร้างใจให้เป็นสุขและสร้างสังคมให้ร่มเย็น การให้ทานที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ เพื่อกำจัดความตระหนี่ มุ่งสู่ความดีและความเสียสละ
ประการที่ 4
เป็นการต่อบุญกุศลให้กับตนเอง เพราะการตักบาตรเป็นการเสริมทานบารมีโดยตรง เป็นการสร้างทางแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย
ประการที่ 5
เพื่อการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว อันเป็นการแสดงความรัก ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
ประการที่ 6
เป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของเรา เพื่อเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนา
ประการที่ 7
เป็นแบบอย่างการส่งต่อความดีจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้ลูกหลานมีแบบอย่างในการทำความดีสืบต่อไป
ประการที่ 8
การใส่บาตรเป็นการสร้างความปรองดองให้กับเราเป็นหมู่คณะ เพราะถ้าพุทธศาสนิกชนทุกบ้านพร้อมเพรียงกันตักบาตร จะเกิดเป็นพลังแห่งความสามัคคีขึ้น ซึ่งพลังดังกล่าวนี้จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบสุข ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความสามัคคีของหมู่คณะ ย่อมทำให้เกิดสุข”
ไม่ว่าจะใส่บาตรด้วยอะไร ขอเพียงตั้งจิตให้มั่น ทำด้วยใจบริสุทธิ์ และเจตนาที่ดี อาหารและขนมที่นำไปใส่บาตร ก็ควรเป็นอาหารที่ปรุงสดใหม่ เครื่องดื่มไม่หมดอายุ ของใช้ต้องไม่ผุพังชำรุดและเน้นที่ประโยชน์ใช้สอย สามารถนำไปใช้ได้จริง เท่านี้ก็ได้บุญแล้ว
ของตักบาตรตามวันเกิด เสริมสิริมงคล พาชีวิตรุ่งเรือง
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันจันทร์
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารที่ทำจากสัตว์ปีก เช่น ไก่ผัดขิง แกงเผ็ดเป็ดย่าง ไก่ย่าง ไก่ทอด ข้าวมันไก่ ปลาทอด น้ำเต้าหู้ น้ำอ้อย นมถั่วเหลือง ขนมมัน ขนมเผือก
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันอังคาร
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารประเภทเส้น เช่น ขนมจีน ผัดหมี่ ผัดวุ้นเส้น หรือก๋วยเตี๋ยว หากเป็นเนื้อสัตว์ให้เน้นเนื้อปลา หรือเนื้อวัว ขนมหวานก็เน้นขนมที่เป็นเส้น เช่น ลอดช่อง ซ่าหริ่ม หรือฝอยทอง
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันพุธกลางวัน
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารที่มีสีเขียว เช่น ผัดผักคะน้า ผัดผักบุ้ง แกงเขียวหวาน ของหวานเป็นขนมชั้นใบเตย หรือขนมเปียกปูนใบเตย มะม่วง น้ำฝรั่ง และน้ำองุ่น
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันพุธกลางคืน
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารประเภทของหมักดอง เช่น ผักกาดดองผัดไข่ ต้มผักกาดดอง ไข่เยี่ยวม้า ของหวานเน้นที่มีสีดำ เช่น เฉาก๊วย ขนมเปียกปูน ข้าวเหนียวดำ
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันพฤหัสบดี
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารที่ทำจากผัก เช่น ผัดผัก แกงเลียง ต้มจับฉ่าย ของหวานและผลไม้ เช่น แตงโม แตงไทย ส้ม สาลี่ แตงไทยน้ำกะทิ หรือน้ำว่านหางจระเข้
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันศุกร์
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารที่มีกลิ่นหอม เช่น ข้าวสวยหอมมะลิ ไข่เจียวหอมใหญ่ แกงส้ม ยำใส่หอมใหญ่ ของหวานและผลไม้ เช่น กล้วยหอม เค้กกล้วยหอม มะพร้าวน้ำหอม
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันเสาร์
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารที่มีรสขม เช่น ต้มจืดมะระยัดไส้ ผัดมะเขือยาว แกงส้มมะรุม หรือน้ำพริกต่างๆ ของหวานและผลไม้ เช่น ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง มะละกอ โอเลี้ยง
ของทำบุญตักบาตรเสริมดวงคนเกิดวันอาทิตย์
อาหารตักบาตร : เน้นอาหารประเภทไข่ เช่น ไข่ต้ม ไข่พะโล้ ไข่เจียว ไข่ลูกเขย แกงกะทิต่างๆ ส่วนขนมหวาน ก็เน้นเป็นขนมที่ทำจากกะทิ หรือมะพร้าวอ่อน