สืบชะตา

พิธีสืบชะตาหรือการต่ออายุ เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของชาวล้านนาถิ่นเหนือ เป็นพิธีที่จัดทำขึ้นเพื่อต้องการให้เกิดมงคล และมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย เพื่อทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อชีวิต เป็นพิธีซึ่งเป็นมงคลที่ชาวล้านนานิยมทำในโอกาสต่าง ๆ เช่น เนื่องในวันเกิด วันที่ได้รับยศศักดิ์ ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น หรือทำในกรณีที่เจ็บป่วยถูกทายทักว่าชะตาไม่ดี ชะตาขาด จะทำพิธีสะเดาะเคราะห์และสืบชะตาต่ออายุ จะทำให้แคล้วคลาดจากโรคภัย และดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสุขสบายใจสืบไป

 

 

ความเชื่อตำนานเกี่ยวกับพิธีสืบชะตา มีตำนานปรากฏในคัมภีร์สืบชะตา กล่าวว่า พระสารีบุตรเถระซึ่งเป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้า มีลูกศิษย์รูปหนึ่งเป็นสามเณรชื่อติสสะ อายุ ๗ ปี มาบวชเพื่อศึกษาเล่าเรียนกับท่านเป็นระยะเวลาหนึ่งปี วันหนึ่งพระสารีบุตรสังเกตเห็นลักษณะของสามเณรว่าจะมีอายุได้อีก ๗ วันเท่านั้นก็จะถึงแก่มรณภาพ ท่านพระสารีบุตรจึงเรียกมาบอกความจริงให้ทราบว่า ตามตำราหมอดูและตำราดูลักษณะเธอจะมีชีวิตอยู่ไม่เกิน ๗ วัน พระสารีบุตรจึงให้สามเณรกลับไปลาพ่อแม่ญาติพี่น้อง จึงสร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่สามเณรเป็นอันมาก ระหว่างทางกลับได้พบกับปลาที่กำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะน้ำไม่พอ จึงจับไปปล่อยในหนองน้ำ และกับเก้งที่ติดบ่วงนายพราน จึงได้ปล่อยเก้งสู่อิสรภาพ โดยนึกถึงตนเองว่าจะต้องตายอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่สัตว์ทั้งสองถ้าไม่ปล่อยช่วยชีวิตก็จะต้องตายก่อนตนเองแน่นอน เมื่อกลับถึงบ้านพ่อแม่ญาติพี่น้องต่างก็เฝ้ารอคอยด้วยความเศร้าโศก จนเวลาล่วงเลยกำหนดไปแล้ว สามเณรติสสะก็ยังมีชีวิตอยู่ ผิวพรรณผ่องใส และได้กลับไปหาพระสารีบุตร ได้กราบเรียนถึงการปล่อยชีวิตทั้งสองเป็นการให้ชีวิตใหม่ จึงเป็นบุญให้พ้นจากความตายได้

 

ประเภทของพิธีสืบชะตา มี ๓ ประเภท คือ

๑.ประเพณีสืบชะตาคน คนล้านนาจะมีความเชื่อว่า หากเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับชีวิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องประกอบพิธีสืบชะตาบูชาดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ พฤหัสบดี ราหู ศุกร์ เกตุ เพื่อให้เจ้าของพิธีนั้นมีความสุขต่อไป เป็นการประกอบพิธีที่จัดขึ้นในโอกาสสําคัญต่าง ๆ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน นิยมทําเมื่อวันเกิดที่ครบรอบเช่น ๒๔ ปี ๖๐ ปี ๗๒ ปี และการขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตําแหน่งสูงขึ้น หรือฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่าชะตาไม่ดี จําเป็นต้องสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา เป็นต้น

๒.ประเพณีสืบชะตาบ้าน นิยมทําเมื่อคนในหมู่บ้านประสบความเดือดร้อน เจ็บไข้ได้ป่วยหรือตายติดต่อกันเกิน ๓ คนขึ้นไป หรือคนในหมู่บ้านพร้อมใจกันจัดในวันสงกรานต์ เช่น วันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือ วันที่หนึ่งสองสามวันหลังวันเถลิงศก (สงกรานต์) เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล พิธีสืบชะตาหมู่บ้านมีเครื่องประกอบพิธีกรรมเช่นเดียวกับการสืบชะตาคน การโยงด้ายสายสิญจน์จะโยงให้ทั่วหมู่บ้าน โดยบ้านแต่ละหลังก็จะโยงรอบบ้านตัวเอง แล้วดึงด้ายสายสิญจน์ไปโยงกับบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่โยงด้ายสายสิญจน์มาจากสถานที่ประกอบพิธี แล้วต่อกันไปทั้งหมู่บ้าน ถือเป็นการสร้างความสามัคคีของชาวบ้านด้วย

๓.ประเพณีสืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อน จะด้วยตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ หรือเพราะเหตุปั่นป่วนวุ่นวาย การจลาจล เกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมือง ฯลฯ

 

เครื่องประกอบพิธีสืบชะตา

๑.ขันตั้งสืบชะตา หมายถึง พานหรือภาชนะอื่น ๆ (สำหรับให้พระสงฆ์ผู้เป็นประธานยกขันกล่าวคาถาบูชาครู) ที่ภายในประกอบด้วยสิ่งของดังนี้ หมาก ๑ หัว, พลูสด ๑ มัด,ข้าวเปลือก ๑ กระทง, ข้าวสาร ๑ กระทง, เบี้ยพันสาม (เบี้ยใช้แทนเงินจริง ๆ จํานวน ๑,๓๐๐ บาท), ผ้าขาว ๑ พับ, ผ้าแดง ๑ พับ, เทียนเล่มบาท (๑๕ กรัม) ๑ คู่,เทียนเล่มเฟื้อง (๑๒ กรัม) ๑ คู่, กรวยหมากพลู ๔ กรวย, กรวยดอกไม้ ๔ กรวย

๒.โขงชะตา ประกอบด้วย ไม้ค้ำศรี (ไม้ค้ำมีลักษณะเป็นไม้ง่าม ๓ หรือ ๔ อัน), ตุงยาวค่าคิง (ยาวเท่าตัวคน), ตุงเล็ก ตุงช่อ, หม้อข้าวเปลือก หม้อข้าวสาร หม้อน้ำ กระบวย, กระบอกน้ำ, สะพาน (ขัว), ลวดเงิน ลวดคํา ลวดหมาก ลวดเหมี้ยง, สะตวง, บันได (ขั้นได), ต้นกล้ามะพร้าว ต้นอ้อย ต้นกล้วย กล้วยน้ำว้าดิบ ๑ เครือ มะพร้าว ๑ ทะลาย, เสื่อใหม่ หมอนใหม่, ใบไม้ที่เป็นมงคล (ใบตองเต๊า ใบขนุน ใบเงิน ใบทอง), ด้ายสายสิญจน์ บาตรสําหรับใส่น้ำพุทธมนต์, ถาดทราย สําหรับปักเทียน ๑๐๘ เล่ม, ด้านสายสิญจน์


 

๓.บัตรพลี (สะตวง) ซึ่งประกอบด้วยสิ่งของต่าง ๆ อย่าง ๑๐๘ ชิ้นดังนี้ หมาก เหมี้ยง บุหรี่ ข้าว อาหาร ขนม ผลไม้ ธูป เทียน ใบไม้มงคล ใบตองเต๊า ใบขนุน ใบเงิน ใบทอง เมื่อได้เตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดครบ ก็จะจัดตั้งเครื่องสืบชะตา นําไม้ค้ำศรีมาตั้งทําซุ้มหรือเป็นกระโจมเรียกว่าโขงชะตา มีลักษณะเป็นซุ้มกว้างพอที่เจ้าชะตาจะเข้าไปนั่งได้ แล้ววางเครื่องประกอบพิธีกรรมอื่น ๆ ประกอบ จากนั้นใช้ด้ายสายสิญจน์โยงรอบบริเวณที่จะประกอบพิธี หากเป็นบ้านใหม่ก็จะโยงด้ายไปรอบบ้าน แล้วโยงด้ายให้สามารถพันรอบศีรษะเจ้าชะตาไปยังยอดซุ้มกระโจม และดึงไปหาพระพุทธรูป วนรอบบาตรน้ำมนต์ และพระสงฆ์ (ถ้าเป็นพิธีสืบชะตาหลวงก็จะต้องจัดด้ายสายสิญจน์โยงเพิ่มให้เป็นแถว ๆ ตารางพอให้คนอื่นสามารถนั่งได้แล้วหย่อนลงมาและนำมาพันรอบศรีษะตัวเอง หากเป็นการสืบชะตาหมู่บ้าน จะต้องโยงด้ายสายสิญจน์เพิ่มเติมออกไปด้านนอกตามถนนต่าง ๆ ให้ชาวบ้านนำสายสิญจน์ของตัวเองมาต่อเพิ่ม เพื่อโยงไปรอบบ้านของตนเอง)

 

ขั้นตอนการประกอบพิธีกรรม

  • ๑) อาจารย์ผู้นำประกอบพิธีขึ้นท้าวทั้งสี่(ท้าวจตุโลกบาล) ตอนเช้ามืดของวันงาน เป็นการบอกกล่าวหรือเชิญเทวดาอารักษ์เจ้าที่เจ้าทางผู้ดูแลในพื้นที่อยู่อาศัย ว่าจะมีการทําบุญใหญ่สืบชะตา เพื่อให้งานราบรื่นไม่มีอุปสรรค และแสดงถึงความเคารพกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
  • ๒) เจ้าชะตาหรือประธานในงาน จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประเคนบาตรน้ำมนต์ให้พระสงฆ์ ประเคนขันตั้งสืบชะตา ด้ายสายสิญจน์ ประเคนพานอาราธนาศีล
  • ๓) อาจารย์ผู้นำประกอบกล่าวบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล และอาราธนาพระปริตร
  • ๔) พระสงฆ์ให้ศีลและสวดเจริญพระพุทธมนต์ โดยใช้บทสวดสืบชะตาสมาธรรม เทศนาธรรมสืบชะตา ๑ ผูก (มีหรือไม่มีก็ได้)
  • ๕) อาจารย์ผู้นำประกอบหรือผู้ร่วมพิธีคนใดก็ได้ จุดเทียนค่าคิงที่โขงชะตาและจุดเทียน ๑๐๘ เล่มที่ปักไว้ในถาดทราย
  • ๖) ประธานสงฆ์มอบเครื่องสืบชะตาให้แก่เจ้าชะตาและคณะ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เจริญชัยมงคลคาถา และผูกข้อมือแก่เจ้าชะตาและเครือญาติ
  • ๗) อาจารย์ผู้นำประกอบปัดเคราะห์และผูกข้อมือให้เจ้าภาพ
  • ๘) เจ้าภาพถวายขันข้าวให้บรรพบุรุษและญาติพี่น้องผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
  • ๙) อาจารย์ผู้นำประกอบนําขอขมาครัวทาน (ของสังฆทาน)
  • ๑๐) อาจารย์ผู้นำประกอบนํากล่าวคําถวายสังฆทาน
  • ๑๑) พระสงฆ์อนุโมทนา ให้ศีลให้พร พระสงฆ์ผู้เป็นประธานกล่าวคำปลดขันตั้งสืบชะตา
  • ๑๒) ผู้ร่วมพิธีทุกคนร่วมกันพร้อมกันแผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

** การประกอบพิธีสืบชะตาตามตำราระบุไว้ ให้กระทำในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น คือไม่เกินเวลาเที่ยงวัน**